รวบเครือข่ายดัง เปิดบ้านทำเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียน 20 ล้านต่อเดือน

รวบเครือข่ายดัง เปิดบ้านทำเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียน 20 ล้านต่อเดือน

จับเว็บพนันออนไลน์ วันนี้ รวบ 8 ผู้ต้องหา เปิดบ้านทำเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายดัง เงินหมุนเวียน 20 ล้านบาทต่อเดือน ตอนบุกจับกุมกำลังตอบแชมทลูกค้า เปิดทำช่องรายการในแอปพลิเคชัน TikTokวันที่ 21 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) จับกุมผู้ต้องหาเปิดบ้านทำเว็บพนันออนไลน์ ภายใต้ชื่อ G2G1SLOT โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จว.ปทุมธานี พบเป็นเครือข่ายเว็บพนันดัง ของกลางรวมมูลค่าประมาณกว่า 400,000 บาท จากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าวพบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน

ภายหลังการนำกำลังจับกุมเว็บพนันออนไลน์ชื่อดังกล่าว 2 เป้าหมาย 

ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี พบ นายธนพล สงวนนามสกุล กับพวกรวม 7 คน อยู่ระหว่างการตอบแชทลูกค้า และทำธุรกรรมการเงินให้กับเว็บไซต์พนันออนไลน์ภายในสถานที่ดังกล่าว อีกทั้งยังมีการเปิดทำช่องรายการในแอปพลิเคชัน TikTok หลายรายการเพื่อชักชวนเยาวชนและประชาชนทั่วไปสมัครทดลองเล่นการพนันออนไลน์ โดยผู้ต้องหาเป็นชาย 7 คน พร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง จอคอมพิวเตอร์ 16 เครื่อง โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 10 เล่ม และอื่น ๆ รวม 8 รายการ มูลค่าประมาณกว่า 400,000.-บาท

ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนัน ในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” นำส่ง สภ.เมืองปทุมธานี ดำเนินการต่อไป

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ รอง ผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในกัมพูชา หลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปหาคู่ มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ความคืบหน้ากรณี ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร) ส่งชุดปฏิบัติการ PCT ประสานความร่วมมือตำรวจกัมพูชา เข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รูปแบบไฮบริดสแกมในเมืองพระสีหนุ โดยสามารถจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 21 ราย และเตรียมเดินทางไปรับตัวพร้อมกับสอบปากคำที่ จว.สระแก้ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยว่า พฤติการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ มีแผนประทุษกรรมใช้รูปบุคคลหน้าตาดี แช็ตกับเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ชื่อแอปฯ Tinder หรือ แอปฯ LINE จากนั้นจะหลอกพูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจหรือเริ่มหลงรัก คนร้ายก็จะชวนให้ร่วมลงทุนใน MetaTrader 5 (ฟอเร็กซ์) หรือซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยจะให้ทำการเทรด วิเคราะห์ทางเทคนิค ตามคำแนะนำ และชักชวนให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกให้ลงเงิน แต่ไม่มีการลงทุนจริง แล้วเอาทรัพย์สินนั้นไป

ต่อมา ตำรวจ PCT รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาล และเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อประสานขอความร่วมมือในการเข้าปฏิบัติการครั้งนี้ โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 12.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำทีมสนธิกำลังกับ พล.ต.ท.วัน วีระ (VANNVIRAK SAM) ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประเทศกัมพูชา, พล.ต.จัตวา บุต พิน (BUT Pinh) หัวหน้าชุดข่าวกรองฯ หรือ อัยการจังหวัดพนมเปญ พร้อมกำลังตำรวจภูธรจังหวัดพระสีหนุ เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทลายออฟฟิศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่ง ในจังหวัดพระสีหนุ 

ทนายตั้ม บอก อัจฉริยะ พร้อมดู หลักฐานเด็ดคดีแตงโม

ทนายตั้ม ฝากถึง อัจฉริยะ พร้อมดู หลักฐานเด็ดคดีแตงโม ที่ชี้ว่าคดีแตงโมเป็นคดีฆาตกรรม บอก นัดวันเวลามาได้เลย ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กฝากถึง ‘พี่อัจ’ หรือ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เกี่ยวกับคดีของแตงโมที่นาย อัจฉริยะ อ้างว่ามีหลักฐานเด็ดที่แสดงให้เห็นว่าคดีแตงโมนั้นเป็นคดีฆาตกรรม และพร้อมเปิดให้ ทนายตั้มดู ซึ่ง ทนายตั้มบอกว่านัดวันเวลามาได้เลย พร้อมดู

ข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ผมเห็นพี่อัจออกข่าวว่า ยินดีจะเปิดเผยคลิปให้ผมเป็นการส่วนตัว ไม่ออกสื่อ ผมยินดีไปดูครับ นัดวันเวลามาได้เลย เบอร์เดิม หรือจะติดต่อผมผ่านนักข่าวมาก็ได้ เพราะตั้งแต่เรามีคดีความกัน ผมไม่มีเบอร์ติดต่อพี่แล้ว รออยู่นะครับ วันไหนก็ได้ นัดมาได้เลย เพื่อน้องแตงโม ผมว่างเสมอ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะได้รู้กันสักที ว่าคลิปเจ้าปัญหานี้จะทำให้คดีนี้ไปในทิศทางไหน ถ้ามีคลิปจริงคดีพลิกแน่นอนครับพี่”

นอกจากนี้ในคอมเม้นท์ ทนายตั้ม ยังได้พูดต่ออีกว่า “โลกนี้ไม่มีใครใช้โศกนาฎกรรมของผู้ตายมาล้อเล่นกับความไว้เนื้อเชื่อใจของคนไทยทั้งประเทศหรอกครับ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ผมเชื่อว่าพี่อัฉริยะต้องมีคลิปเด็ด ไว้ผมได้เห็นจะเอามาเล่าให้ทุกคนฟัง”

ผลการตรวจค้น พบผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ทั้งหมด 21 คน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน” จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าทีตำรวจกัมพูชาจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินการตามกฎหมายของประเทศกัมพูชา และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจะส่งตัวให้ประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเองทันทีที่ผู้ต้องหาเดินทางกลับถึงประเทศไทย ที่ อ.คลองลึก จว.สระแก้ว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป